วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555


สมเด็จพระสังฆราช


หลังจากที่สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ดำเนินโครงการสร้างอุโบสถดินพอเพียง เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฉลองวาระครบ 23 ปีแห่งการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2554  ผ่านมา 1 ปี ในปี พ.ศ. 2555 นี้ อุโบสถดินแห่งแรกในประเทศไทย ณ วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม ตำบลเหล่าโพนค้อ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร ได้ก่อสร้างเสร็จแล้วด้วยพระบารมีและแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน 
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้พระเทพสารเวที ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์ พร้อมด้วยพระราชรัตนมงคล ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช อัญเชิญพระพุทธศรีสุวัฒนเทวรัตนมุนี ประดิษฐานเป็นพระประธานภายในพระอุโบสถดิน วัดป่าพุทธนิมิตสถิตสีมาราม ซึ่งมีความงดงามและไม่เหมือนใคร
ที่ว่าไม่เหมือนใครนี้ พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขา นุการสมเด็จพระสังฆราช เล่าให้ฟังว่า เราสร้างอุโบสถดินได้เสร็จทันด้วยฝีมือของผู้ต้องขังในเรือนจำที่กำลังจะพ้นโทษ ฉลองสมเด็จพระสังฆราช สถาปนาครบรอบ 23 ปี เมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา และฉลองพระชนมายุ 99 พรรษา ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2555  โดยอุโบสถดินแห่งนี้เป็นต้นแบบของวัดพอเพียงที่มีความงดงามและสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด ไม่เหมือนที่อื่น คือ อุโบสถดินแห่งนี้ มีการตก
แต่งแบบร่วมสมัย โดยใช้ภาพจิตรกรรมศิลปะสมัยใหม่มาประดับภายในอุโบสถ เหมือนเป็นแกลเลอรี่ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งภาพที่ประดับรอบอุโบสถดินนั้น จะเป็นภาพที่เกี่ยว
เนื่องกับพระพุทธศาสนาแนวแอบสแตรกต์ของหนูแดง เย็นสบาย จิตรกรที่มีชื่อเสียงของไทย ที่มีผลงานในสนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ ที่ต้องใช้จินตนาการในการรับชม และอยากขนานนามอุโบสถดินหลังนี้แบบเก๋ ๆ ว่า  “อุโบสถดินพอเพียง แกลเลอรี่น้อยกลางนา”
พระครูสังฆสิทธิกร ยังได้พาไปชมที่พักสงฆ์และที่พักพุทธศาสนิกชน ทำให้รู้สึกว่า มีความร่วมสมัย สไตล์โมเดิร์น โดยเฉพาะห้องน้ำ ที่สร้างด้วยวัสดุราคาไม่แพง ต้นทุนไม่เกิน 10,000 บาท แต่ก็ออกมาดูดี เพราะฉาบแบบปูนเปลือย บางคนอาจจะมองว่า หรูหรา แต่แท้ที่จริงแล้ว เป็นห้องน้ำแบบพอเพียง ที่ต้นทุนไม่แพง แต่อำนวยความสะดวกได้ครบครัน ในขณะเดียวกัน เรากำลังปรับพื้นที่ประดับต้นไม้ให้สวยงาม เพื่อใช้เป็นสถานที่มาปฏิบัติธรรมและพักผ่อนหย่อนใจของพุทธศาสนิกชนด้วย
“หลังจากที่ อุโบสถดินหลังนี้ เสร็จสมบูรณ์แล้ว สมเด็จพระสังฆราช ได้ประทาน พระพุทธศรีสุวัฒนเทวรัตนมุนี มาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถดินหลังนี้ โดยพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวสร้างจากหินหยกทั้งองค์ ซึ่งหินหยกนี้ได้มาจากแม่น้ำคงคาประเทศอินเดีย เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องประดับนพรัตน์ พระองค์จึงได้ประทานมาประดิษฐานยังวัดแห่งนี้  และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานวิสุงคามสีมา ตั้งเป็นวัดอย่างถูกต้องเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554”
พระครูสังฆสิทธิกร ยังบอกอีกว่า  ในส่วนของอุโบสถดินของวัดป่าพุทธนิมิตฯ ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ และได้ขยายแห่งที่ 2 ที่วัดสันติวรคุณ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ซึ่งก็ได้เสร็จแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ยังมีโครงการสร้างอุโบสถดินทั้ง 4 ภาค โดยตั้งเป้าให้เสร็จภายในปี พ.ศ. 2556 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 86 พรรษา และสมเด็จสังฆราช เจริญพระชนมายุ 100 พรรษา
วัดป่าพุทธนิมิตฯ แห่งนี้ จะเป็นต้นแบบให้วัดในประเทศไทย ได้เห็นถึงการสร้างวัดแบบพอเพียง โดยเฉพาะการนำแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระสังฆราช เกี่ยวกับความพอเพียงมาปรับใช้ ซึ่งอุโบสถดิน มีขนาดกว้าง 7 เมตร ยาว 15 เมตร สามารถรองรับพระภิกษุได้ 50 รูป ใช้งบประมาณการก่อสร้างไม่เกิน 1 ล้านบาท ในขณะที่ปัจจุบันแต่ละวัดต้องใช้งบประมาณในการสร้างไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้านบาท แต่ก็สามารถใช้ประโยชน์เท่ากับอุโบสถดินพอเพียง และบางวัดก็ใช้งานไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป ซึ่งการนำความพอเพียงมาใช้กับวัดจะเป็นเหมือนตัวอย่างให้พุทธศาสนิกชนได้เห็นและนำไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงได้อีกด้วย 
จากนี้ไปคงต้องรอชม อุโบสถดิน 4 ภาค ที่ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จะสร้างถวายเป็นพระราชกุศล และเป็นต้นแบบของวัดพอเพียง หากเห็นอุโบสถดินพอเพียงนี้ จะได้ระลึกถึงพระกรุณาคุณของสมเด็จพระสังฆราช พระผู้ทรงเปี่ยมพระเมตตา ส่วนใครอยากไปถวายสักการะ สมเด็จพระสังฆราช ก็สามารถไปได้ที่ ตึกวชิรญาณ สามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  ซึ่งทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้แจ้งมาบอกพุทธศาสนิกชนอีกว่า ขณะนี้พระอาการปกติดี ทางคณะแพทย์ให้ระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อ เนื่องพระชนมายุมากแล้ว และอยู่ในการดูแลพระพลานามัยอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาพระพุทธศาสนาต้องเน้นพัฒนาจิตใจคนมากกว่าพัฒนาวัตถุ หากเน้นพัฒนาวัตถุมากจนเกินไป จิตใจคนแย่ลงถือว่า ไม่ใช่การพัฒนาที่ยั่งยืน สุดท้ายนี้ ขอหยิบยกคำสอนของสมเด็จพระสังฆราช มาเตือนใจพุทธศาสนิกชนให้อยู่บนความพอเพียง มีใจความตอนหนึ่งว่า ความดิ้นรนเพื่อให้ได้สมดังความปรารถนาต้องการ มิใช่ความสุข มิใช่ความสงบ แต่เป็นความทุกข์ เป็นความร้อน เป็นความวุ่นวาย มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่ทั้งชีวิตไม่ได้พบความสุขความสงบเลย เพราะมัวปล่อยใจให้เป็นทาสของความโลภ ไม่รู้จักทำสติพิจารณาให้เห็นโทษของความโลภ แล้วพยายามละเสีย ดับเสีย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น